000
ปรึกษาเครื่องเสียง อจ. ไมตรี โทร 099-569-6459    
 
บอร์ดพูดคุย, ซื้อ-ขายเครื่องเสียง
>> audio-teams.com
>> noom-hifi.com
>> wijitboonchoo.com
>> hifi55.com  
>> sk-audiophile.com
>> htg2.net
นิตยสารเครื่องเสียง
>> what Hi-Fi? Thailand
>> The Wave
>> Audiophile-Videophile
>> gm2000.com
>> The Stereo
ร้านค้าเครื่องเสียง
>> Piyanas Electric
>> KS Sons Group
>> Conice (บ้านทวาทศิน)
>> อัศวโสภณ
>> munkonggadget.com
>> bkkaudio.com
 
ปรับขนาดตัวหนังสือ เช่น 15, 16, 18, 20, + + / ยกเลิกใส่ 0 :

หมวดหมู่ > รายงานบททดสอบ > เครื่องเสียงบ้าน > PHD The Development MK II Integrated Amplifier ไฮเอนด์แท้ สัญชาติไทยที่โลกตะลึง
วันที่ : 01/05/2018
10,544 views

PHD The Development MK II Integrated Amplifier : ไฮเอนด์แท้ สัญชาติไทยที่โลกตะลึง

โดย...อ. ไมตรี ทรัพย์เอนกสันติ

อินทิเกรทแอมป์ PHD รุ่น MK II (มาร์ค 2) ปรับปรุงจากรุ่นก่อนหน้านี้ที่ผมเองเคยทดสอบลงนิตยสาร WHAT HiFi มา 5 ปีแล้ว ด้วยความชื่นชมอย่างมาก สำหรับรุ่นใหม่ MK II มีการปรับปรุงเพิ่มเติมหลายจุด หม้อแปลงแบบกลมขนาดใหญ่ (ที่ปกติใช้กับแอมป์ 500 W.) แยกขดไฟออกเป็นชุดๆ ไปเลี้ยงแต่ละภาคอย่างอิสระ ลดการดึงไฟกันเอง มีการลดการสั่นของหม้อแปลงให้มากที่สุด สายไฟภายในเป็นของ Kimber Kable, สายไฟ AC ที่ให้มาด้วยคัดอย่างดี ไม่ใช่แค่สายแถม หัว WATTGATE (แช่แข็ง), วอลลูม ALPS (รุ่นทำญี่ปุ่น), จัดวงจรภายในแบบ โมโนคู่ (Dual Mono) แยกครีบระบายความร้อนชุดซ้าย, ชุดขวา (ครีบอลูมิเนียมหนาพิเศษ) มีการจัดสมดุลน้ำหนักเครื่องซีกซ้าย, ขวา ขั้วรับสัญญาณชุบทอง (มี 5 ชุด คือ CD, TUNER, AUX1, AUX2) คุณภาพสูงระดับเครื่องไฮเอนด์ รวมทั้งขั้วลำโพง Binding Post ชุบทองอย่างดีของอเมริกาที่ใช้กับเครื่องแพงๆ มากเท่านั้น ตัวเก็บประจุในภาคจ่ายไฟคุณภาพสูง (ญี่ปุ่นแท้) (ดีกว่า ELNA ที่ใช้ในเครื่องทั่วไป) อุปกรณ์บนแผงวงจร, สายต่างๆ ภายในเครื่อง มีการฟังทดสอบทิศทาง และภาคซ้าย, ขวา จะวัดค่าอุปกรณ์ให้เท่ากัน (MATCHED PAIR) ภาคปรีไม่มีวงจรแต่งเสียงใดๆ เพื่อความบริสุทธิ์ที่สุดของเสียง การออกแบบวงจรจะใช้เทคโนโลยีล่าสุดที่ทันสมัย เน้นการขยายเสียงได้ช่วงความถี่ที่กว้างที่สุด ในการผลิตทั้งหมด อจ.ดร.อดิศักดิ์ ผู้ออกแบบจะลงมือเอง เรียกว่าเป็นงาน HANDMADE (ดูการสัมภาษณ์ อจ.ดร.อดิศักดิ์ ได้ที่บทความ MADE IN THAILAND) ตัวเครื่องใช้เหล็กค่อนข้างหนาเทียบกับแอมป์ไฮเอนด์ได้เลย ในด้านสเปค อจ. ไม่เน้นตัวเลขการวัด เพราะเรื่องของเสียงมันลึกซึ้งกว่าการวัดด้วยเครื่องมือมาก อจ. เน้นการฟัง ความเที่ยงตรง ความเป็นดนตรีมากที่สุด

               PHD MK II ให้กำลังขับได้ 120 W.RMS/CH ที่ 8 โอห์ม และสวิงได้ถึง 200 W.RMS/CH ที่ 4 โอห์ม

ผลการทดสอบ

               จากเครื่องเล่นแผ่น OPPO BDP 105 (ปรับปรุงภาคจ่ายไฟโดย PERFECT POWER … ได้ผลดีขึ้นจริง ทั้งภาพและเสียง โทร. 081-904-2213) เครื่องวางอยู่บนแท่นสลาย/ป้องกันการสั่นสะเทือน TOMBO PPS-01 (ตัวเล็ก) พร้อมขารอง MAGIC SPIKE (ทั้ง 2 ได้ผลดีจริงๆ เครื่อง OPPO แทบจะหยุดแกว่งเลย! … TOMBO โทร. 081-659-6165) ด้านบนมีแผ่นอาเกต แท่งควอตซ์ ก้อนอ๊อบซีเดียน โครงควอตซ์ปิรามิด หางปลามหัศจรรย์ TOMBO ทั้งหมดช่วยดึงคุณภาพออกมาจาก OPPO ได้เต็มที่ยิ่งขึ้น

               สายเสียง (Audio Out) จาก OPPO 105 เป็นสายบาลานซ์ MADRIGAL CZ-GEL 2 ไปเข้าหัวแปลงบาลานซ์เป็น RCA (ตัวผู้) ของ CARDAS แล้วเสียบเข้าช่อง CD IN ของ PHD (ให้เสียงดีกว่าช่องอื่นนิดหน่อย) ที่ใช้ช่องออกบาลานซ์ของ OPPO เพื่อกลับ Absolute Phase ที่ OPPO ได้ (การขยับเข้า-ออกของกรวยลำโพง)

               สายลำโพง FURUKAWA S-2 (ตามทิศ) หัว WBT ต่อออกจาก PHD ไปลำโพง MONITOR AUDIO BR-5 (วางพื้น 2½ ทาง) แยกสาย S-2 แบบไบ-ไวร์ เข้า (ไม่ให้สายแตะกัน) ยกสายลำโพงหนีพื้นห้อง

               ลำโพงซ้าย, ขวา ห่างกัน 2.20 เมตร ห่างจากจุดนั่งฟัง 3.6 ม. ห้องฟัง 3.85 x 9 x 2.30 เมตร พื้นพรม ผนังมีฟองน้ำเก็บเสียง SONEX

                สายไฟ AC ใช้ FURUKAWA CB-10 (3 เส้น ทิศถูกต้อง) หัว WATTGATE (ผู้/เมีย) เสียบจากเต้าเสียบตัวเมีย MONITOR ACOUSTIC รุ่นท๊อปสุด (สีเทา) ที่กำแพง มาเข้าตัวกรองไฟ PHD POWER STATION ออกสายไฟ AC NORDOST รุ่นเล็กสุดไปเข้า PHD, ออกสายไฟ CHORD ไปเข้าทีวีจอ LCD SONY 32 นิ้ว (ที่กล่องภาคจ่ายไฟอยู่ภายนอก ได้เอาตัวกล่องออก เหลือแต่แผงวงจร ต้องระวังไฟดูดนะ) สายไฟเข้า-ออกกล่อง (ไปจอ LCD) เป็น CB-10, สายไฟจากอินทิเกรทแอมป์ Mark Levinson No.383 ย้ายไปเข้า OPPO 105 ฟังทดสอบทิศทางขา บวก/ลบ ของสายไฟทุกเส้น (รวมทั้งที่เข้า PHD แอมป์) ระวังมิให้สายไฟ, สายเสียง, สายลำโพงแตะต้องกัน (บางเส้นแขวนลอยด้วยเส้นเอ็นจากเพดานห้อง (คานปูน), มีการทำระบบ ระบายกระแส EDDY CURRENT ลงดินให้กล่องกรองไฟ PHD POWER STATION

               มีหัวปลั้กผู้กรองไฟ PHD 2 ที่แผงไฟเข้าห้องฟัง 3 หัว, ที่เต้าเสียบ MONITOR ACOUSTIC สีเทาในห้องเสียง 2 หัว, ขาออกจากกล่องกรองไฟ PHD 1 หัว เต้าเสียบอื่นๆ ที่ไม่ใช้ (ที่ผนัง) ในห้องเสียงอีก 2 หัว แท่งปรับกระแสไฟ HFC (ระบบเส้นแรงแม่เหล็ก) ที่แผงไฟเข้าห้องเสียง 1 แท่ง (ดูรายงานทดสอบแท่งนี้ได้)

               มีแร่ทัวมาลีน 8 ก้อนในห้องเสียง (ฟังทดสอบคว่ำ/หงาย มุมเอียง) กล่องตัวอย่างผลึกของ JUDY HALLS 5 กล่องในห้อง (หันหาทิศทาง) ผลึกอะมิทิสขนาด 6 กำปั้น วางห่างไปทางขวามือของ OPPO 1 ก้อน, ขนาด 1 กำปั้นอีก 1 ก้อนอยู่ที่พื้นด้านขวาของที่นั่งฟัง

               ที่สำคัญ มีกล่องดูดคลื่น PERFECT POWER RT-1 (ดูรายงานทดสอบทั้ง 3 ตอนได้ในเว็บนี้) มี 10 กล่องในห้องฟัง (ช่วยมากๆ)

               ในห้องฟัง(ดู) ไม่มีการใช้รีโมทใดๆ (เอาออกนอกห้อง) นอกจากของ OPPO 105 (แม้แต่รีโมทแอร์), ไม่มี PC, โน้ตบุ๊ค, มือถือ, WiFi หรือ LAN (นอกจากรั่วมาจากภายนอก 6 คลื่น), ไม่มีหลอด LED ใดๆ ไม่มีนาฬิกาใดๆ, VDO เกมส์

               ปรับวอลลูมที่ PHD MK II และวอลลูมของ OPPO 105 (ที่รีโมท) ให้ได้สุ้มเสียง มิติดีที่สุดทั้งขณะดูหนัง, ฟัง CD

               ขณะฟัง เอาฟองน้ำสีดำมาปิดบังดวงไฟ LED สีเขียวที่สวิตช์เครื่อง

ผลการทดสอบ

               อินทิเกรทแอมป์ PHD ที่นำมาทดสอบ เป็นของใหม่ ผมนำมาเบิร์นอินด้วยการดูหนัง, ฟัง CD อยู่ประมาณ 130 ชั่วโมง (เกือบเดือน)

               จากการดูหนัง ฟัง CD พบว่า PHD จะให้สุ้มเสียงออกไปทางสด สว่าง แต่ผ่อนคลาย มีความเป็นดนตรีสูง ทุ้มลงได้ลึกอย่างน่าแปลกใจ คล้ายๆ ใส่ซับแอคตีฟ (POWER BANDWIDTH ด้านต่ำดีมาก) มิติ, ที่ทางแยกชัด ติดตามได้ โดยรวมๆ ผมว่า เสียงมีเนื้อหนัง น้ำหนัก ดีกว่ารุ่นก่อนอย่างฟังออกชัด

               อย่างไรก็ตาม ผมก็อดไม่ได้ที่จะลองอะไรเล่นของผม ได้แก่

               1. ฟังทดสอบทิศทาง การเสียบหัวตัวยูที่ปลายสายภายใน (ทั้งหมด 18 หัว)

               2. แยกสายต่างๆ ไม่ให้แตะกัน

               3. แยกสายเสียง (สีเทา) จากช่องรับ CD IN ออกจากกลุ่มสายสีเทาอื่นๆ (จากช่องรับ TUNER, AUX1, AUX2 โดยยกลอยหนีการแตะกัน)

               4. ยกสายไฟสีดำที่แตะพื้นเครื่องอยู่ทั้งซีกซ้าย, ขวา

               5. ยกสายต่างๆ ที่แตะพื้นเครื่องให้สูงเหนือ เท่าที่ทำได้

               6. ฟังทิศทาง เส้นฟิวส์

               7. แปะแผ่นกันสะเทือน (STP) รอบๆ วอลลูมด้านใน และที่พื้นเครื่องบางจุด

               8. ขณะฟังทดสอบผมไม่ได้ปิดฝาบน (เผื่อทำโน่นนี่)

ผลที่ได้

               ที่ฟังออกชัดคือ ปลายแหลมมีทรวดทรงขึ้น (สอดรับกับ กลาง, ทุ้ม ที่มีทรวดทรงดีอยู่แล้ว) ทุ้มต้นมากขึ้น ช่วยเชื่อมกลางกับทุ้มลึก หลอมเข้าหากันได้ดียิ่งขึ้น เสียงโดยรวม หลุดลอยออกมาจากฉากหลัง เป็นตัวๆ แบบรูปปั้น ลอยตัวดีขึ้น การสวิงดัง-ค่อย เข้มข้นขึ้น แต่ฟังกลับผ่อนคลายขึ้น (แต่สว่างหวานเนียน) รายละเอียดและอากัปกิริยาของนักร้อง, นักดนตรีเด่นชัดขึ้น แยกแยะแจกแจงส่วนประกอบของโน้ตแต่ละตัวได้ทะลุปรุโปร่งขึ้น เวทีเสียงสงัด, สะอาดขึ้น มิติโฟกัสนิ่งขึ้น โอบมาซ้าย, ขวาหลังมากขึ้น สูง-ต่ำชัดขึ้นต่อเนื่องขึ้น การตอกย้ำดีขึ้น (DYNAMIC CONTRAST ดีขึ้น)

               ว่าไปแล้ว PHD เดิมก็ถือว่า ดีเกินคาดแล้ว แต่เมื่อจัดภายในดีๆ ดังกล่าว ทุกอย่าง “ก้าวกระโดด” แบบว่า กลับไปฟังเดิมๆ ไม่ได้แล้ว

               มีกลุ่มนักเล่นและร้านค้า เคยนำอินทิเกรทแอมป์ PHD รุ่นแรกไปชนกับอินทิเกรทแอมป์นอก 4 เครื่อง ราคาตั้งแต่ 150,000 บาทถึง 250,000 บาท โดยฟัง PHD เป็นเครื่องสุดท้าย 4-5 คนนั้นลงมติว่า PHD ซึ่งถูกที่สุด ดีกว่าอีก 4 เครื่องทั้งหมดทุกกรณี

               เพื่อนผมเล่น Mark Levinson ทั้งชุด มีโอกาสซื้อ PHD (รุ่นแรก) ไปลองฟัง ยังยกย่องว่า ปรี+เพาเวอร์ Mark ก็สูสีกับ PHD ในหลายๆ อย่างเลย

               สรุป PHD MK II (จัดสายภายใน) ให้สุ้มเสียงที่น่าฟังมาก คล้าย Mark Levinson No.383 (320,000 บาท) หรือ Sonus Faber MUSICA (98,000 บาท), เสียงราบรื่น หวานแบบสดโรแมนติก ตื่นตัว ฉับไว แต่ผ่อนคลาย ขี้ฟ้องชั้น 1 เลย จำแนกแยกแยะได้ถึงกึ๋นส์ จังหวะจะโคนสมจริงน่าติดตาม รายละเอียดหยุมหยิมดีมากแต่ไม่จงใจโชว์เน้นจนเกินงาม คือมันไม่โยนใส่คุณหรือเอาแต่เรียกร้องความสนใจจนน่าเบื่อ มันรอคุณอยู่ ให้คุณมองเข้าไปดูได้เสมอ

               สเกลของมิติเสียง เที่ยงตรง ใหญ่คือใหญ่ เล็กคือเล็ก ไม่เป่าพองเกินจริง ทรวดทรงเสียงเป็น 3D ตลอดทุกช่วงความถี่ ไล่เสียงจากค่อยสุดไปดังสุดได้ ไม่ส่ออาการตื้อ, อั้น พลังขับอิ่มแน่นเกินกว่าสเปค โดยไม่จงใจทำเสียงบวมๆ หนาๆ หลอกหูว่า พลังล้นหลาม ทุ้มลึกกระชับ แน่น มีพลัง เอามาดูหนังได้สบายมาก

               เวทีเสียงกว้าง โอบมาด้านหลังซ้าย, ขวาพองาม ด้านลึกไปหลังเวทีทำได้ดีเกินค่าตัวไปไก้ วางตำแหน่งชิ้นดนตรีไล่จากหน้าไปหลังได้เป็นลำดับชั้น สูง-ต่ำเยี่ยม พูดง่ายๆ ดูหนังได้ดุจระบบเซอราวด์รอบทิศ (+ATMOS เสียงจากเพดาน, บนเพดาน)

               ดูหนังได้อย่างน่าตื่นใจ แม้จะเป็นระบบ 2CH ลำโพงคู่เดียว แต่ก็ให้บรรยากาศรอบทิศ 360 องศาได้เลย ดูคอนเสิร์ตได้เพลินอย่างมากๆ เก็บมาทุกเม็ดของบรรยากาศแสดงสด

สรุป

               แม้ผมจะใช้อินทิเกรทแอมป์ Mark Levinson No.383 อยู่เป็นเครื่องอ้างอิง แต่เมื่อได้ฟังและอยู่กินกับ PHD MK II นี้แล้ว มันทำให้ผมเพลิดเพลินได้อย่างดียิ่ง ไม่ว่าดูหนัง, ฟังเพลง จนผมเกือบจะลืม Mark ไปเลย แน่นอน มันคือการชกข้ามรุ่นมโหฬาร ระหว่าง PHD MK II (39,000 บาท + ค่าจัดภายใน 2,000 บาท) กับ Mark No.383 (320,000 บาท) ถ้าคุณไม่ใช่มหาเศรษฐี 100 ล้าน, 1000 ล้าน และต้องการเล่นแอมป์ระดับสวรรค์ประทานด้วยงบแค่ 4 หมื่นเศษ PHD Development MK II ใช่เลย!

สำหรับท่านที่สนใจ กรุณาติดต่อโดยตรงที่ อจ.ดร.อดิศักดิ์ มนต์ประภัสสร มหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ ภาควิชาวิศวกรรมอิเล็คโทรนิคส์ โทร. 081-347-0904

หมายเหตุ อจ.ยังทำหัวปลั้กเสียบที่กำแพง PHD 2 เพื่อกรองไฟ AC (ดีและคุ้มมากๆ ผมใช้อยู่เกือบ 10 หัว), กล่องกรองไฟ PHD POWER STATION

ขอเชิญอ่านบทสัมภาษณ์ อจ. ได้ที่ MADE IN THAILAND ในเว็บนี้

www.maitreeav.com

www.maitreeav.com
สำนักงาน : 313/129 ซ. เคหะร่มเกล้า 64 แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ 10520
โทร. 081-5500269 , 099-569-6459